เฉากว๋อจิ้ว
เฉากว๋อจิ้ว หรือ เชาก๊กกู้ คำว่า กว๋อจิ้วไม่ใช่ชื่อของท่าน หากแต่เป็นตำแหน่งบรรดาศักดิ์ หมายถึง พี่ชายของพระมเหสี ตามประวัติความเป็นมากล่าวไว้ว่า ในสมัยแผ่นดินซ้อง ประมาณพุทธศักราช 1053-1819 ในรัชกาลพระเจ้าช้องไทโจ๊วกาวฮ่องเต้มีหญิงคนหนึ่งชื่อว่า นางเช่าสี ได้เป็นฮองเฮาหรือพระมเหสีเอก เมื่อฮ่องเต้สวรรคตแล้ว พระราชโอรสได้ขึ้นครองราชสมบัติแทนและได้ยกให้พระนางเช่าสีฮองเฮาซึ่งเป็นพระราชมารดาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองไทเฮา พระนางเช่าสีฮองไทเฮามีน้องชายสองคน ตามประวัติไม่ทราบชื่อของพี่ชาย แต่คนทั้งหลายเรียกตำแหน่งว่าเป็น เช่าก๊กกู๋ ส่วนน้องชายชื่อ เช่ายี่ ถึงแม้พี่น้องสองคนนี้จะถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่นิสัยใจคอกลับต่างกันราวฟ้ากับดิน เช่าก๊กกู๋มีนิสัยเป็นคนเที่ยงตรง รักความสงบ มีจิตใจเมตตาต่อผู้อื่น ส่วนคนน้องเช่ายี่มีนิสัยเป็นคนอันธพาลชอบรังแกราษฎรที่ไม่มีทางสู้ เพราะถือว่าตนเป็นราชวงศ์ มีศักดิ์เป็นน้องชาวฮองไทเฮา หากตนต้องการสิ่งใดก็ต้องได้ตามที่ปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นที่ดินเรือกสวนไร่นาหากต้องการก็ต้องไปยึดมาเป็นของตน ลูกสาวใครที่ต้องตาต้องใจก็ไปฉุดมาตามความพอใจ เหล่าสมุนบริวารก็ทำตัวเป็นอันธพาลไปด้วย ทำผิดฆ่าใครตายก็ไม่ต้องรับโทษ ถ้ามีเรื่องร้องเรียน ฟ้องตุลาการก็ไม่ใครกล้าจะพิจารณาเอาผิดได้ด้วยเกรงกลัวต่ออำนาจของเช่ายี่
เมื่อพี่ชายเห็นน้องชายทำตัวไม่ดี คิดแต่เอาบรรดาศักดิ์มาข่มเหงผู้อื่นก็ได้ตักเตือนน้องชาย แต่เช่ายี่ก็ไม่เชื่อฟังกลับโกรธเคืองและโต้เถียง เช่าก๊กกู๋เห็นว่าที่พี่สาวของตนได้เป็นถึงฮองไทเฮานั้นเป็นเพราะบุญบารมีวาสนาที่เคยทำมา หากน้องน้องชายยังทำตัวเป็นคนเลวเช่นนี้อยู่อาจทำให้ผู้อื่นมาต่อว่าพี่น้องได้ จึงตัดสินใจออกบวชบำเพ็ญเพียรภาวนาและมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ตนมีให้แก่บุตรและภรรยา เมื่อออกบวชได้สวมชุดเครื่องแต่งกายแบบเต้าหยินออกเดินทางเข้าไปในป่าลึกเพื่อบำเพ็ญเพียร หาที่พำนักอยู่หลายที่จนมาพบกับสถานที่สงบแห่งหนึ่ง จึงเข้าไปปรับปรุงสถานที่ทั้งภายในและภายนอกให้สะอาด และบำเพ็ญเพียร ณ ที่แห่งนั้นอยู่หลายปีจนสำเร็จมีฌาณตบะอันกล้าแข็ง การบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดของเช่าก๊กกู๋ ล่วงรู้ไปถึงท่านลีเล่ากุน จึงได้มีบัญชาให้ฮั้นจงหลีและลื่อท่งปินไปรับตัว เซียนทั้งสองได้รับบัญชาแล้วก็เหยียบเมฆเหาะมายังถ้ำที่เช่าก๊กกู๋อยู่ และเชิญให้ไปพบท่านลีเล่ากุน เมื่อท่านเซียนทั้งสองได้พบกับเล่าก๊กกู๋แล้วก็เห็นว่ามีคุณสมบัติจะเป็นเซียนได้ และได้สนทนาธรรมกันโดยมีใจความสำคัญคือ เช่าก๊กกู๋บอกว่าสุขหรือทุกข์นั้นอยู่ที่ใจของเราและตบะนั้นคือ ใจ ความแน่นอนอยู่บนสวรรค์ เช่าก๊กกู๋ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเซียนองค์ที่แปด ตั้งแต่บัดนั้นเซียนทั้งแปดต่างก็มีความสามัคคีธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะปฏิบัติสิ่งใดก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันประกอบทั้งมีเดชอำนาจสมบูรณ์ จึงเป็นที่รักใคร่และนับถือของเหล่าเทพยดาและเหล่าเซียนใหญ่น้อยทั้งหลาย
บุคคลิกอันโดดเด่นของเฉากว๋อจิ้ว หรือเช่าก๊กกู๋ คือ มีภาพลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดขุนนาง มือหนึ่งถือของวิเศษ คือ ป้ายหยก มีนิสัยใจคอเป็นคนเที่ยงตรงยุติธรรม มีความรอบรู้ในทุกสิ่ง มีความสามารถด้านดนตรี บทกวี และการละคร