เทพเจ้าแห่งดวงดาวฮกลกซิ่ว



ฮก หมายถึง ความสุข สมปรารถนา มีโชคลาภ

มีลักษณะเป็นชายชราไว้หนวดเครายาว มีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเมตตา บนศรีษะสวมหมวกคลุมยาวทรงสูงแบบคหบดีหรือเศรษฐีในสมัยโบราณ มือข้างหนึ่งถือเห็ดหลินจือ ซึ่งมีความหมายว่า ถือสิ่งวิเศษและความสุข ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือม้วนหนังสือบ้างก็เป็นรูปอุ้มเด็ก ซึ่งเด็กจะหมายถึง ทายาทผู้สืบสกุล ส่วนในมือของเด็กก็จะถือเงินตำลึง

ประวัติความเป็นมาของเทพดาว “ฮก”
ท่านเป็นบุคคลที่มีอยู่จริง ในตำนานได้เล่าขานว่าท่านเป็นขุนนางในสมัยราชวงศ์ถังมีนามว่า “หยางเฉิง” ซึ่งในสมัยนั้นนิยมนำคนที่มีรูปร่างเตี้ย ตัวเล็กหรือเป็นคนแคระ มาเป็นตัวตลกในวัง ทำเหมือนว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น จึงได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่คนแคระเหล่านั้นเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความมีเมตตาของท่าน “หยางเฉิง” จึงได้กราบทูลต่อองค์ฮ่องเต้ให้ยกเลิกการนำคนแคระเข้ามาเพื่อเป็นตัวตลก และด้วยความเมตตาของถังเต๋อจงฮ่องเต้ ท่านก็ทรงเห็นด้วยจึงได้ประกาศยกเลิกการนำคนแคระเข้ามาในวังเพื่อเป็นตัวตลกเสีย ทำให้คนแคระเหล่านั้นได้รับอิสระภาพนับแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาทราบซึ้งในความมีเมตตาของท่าน “หยางเฉิง” เป็นยิ่งนัก จึงได้ขนานนามท่านว่า “ฝูเสิน” ซึ่งแปลว่า “เทพเจ้าแห่งความสุข”
ลก หมายถึง โชคลาภและความมั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ
เป็นเทพเจ้าแห่งดวงดาวในลัทธิเต๋า เรียกว่า “เทพดาวลก” ภาษาแต้จิ๋วเรียกว่า “ลกแช” จีนกลางเรียกว่า “ลู่ซิง” เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและลาภยศ ตามตำนานได้เล่าว่า “ลก” เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวเหวินซาง ซึ่งในกลุ่มดาวนั้นมีทั้งหมด 6 ดวง ดาวซือลู่ ซึ่งเป็นดาวดวงที่ 6 และได้กลายมาเป็นเทพดาว “ลก” (ลู่ซิง) นี่เอง ตามโบราณเชื่อกันว่าเทพดาว “ลก” เป็นเทพที่บันดาลให้โชคชะตาประสบความสำเร็จในตำแหน่งราชการ บัณฑิตในสมัยราชวงศ์ถังจึงมักนิยมมากราบไหว้บูชาเทพดาว “ลก” เพื่อให้สอบเข้าได้เป็นผลสำเร็จ

ประวัติความเป็นมาของเทพดาว “ลก”
แหล่งที่มาของเทพดาว “ลก” (ลู่ซิง) ตามเค้าโครงบอกว่ามาจากคนจริงในสมัยราชวงศ์ซ่ง เป็นชาวแคว้นสู่ (เสฉวนในปัจจุบัน) มีชื่อว่า “จางย่าจื่อ” เป็นผู้มีลาภยศสรรเสริญ แต่ในอีกตำนานหนึ่งได้เล่าว่า ท่านเป็นบุคคลที่มาจากการรวมเรื่องราวของบุคคลสองคน นั่นคือ “จางอวี้” ซึ่งเป็นแม่ทัพผู้มีความกล้าหาญสามารถพลีชีพเพื่อชาติได้ ส่วนอีกคนหนึ่งคือ “จางย่าจื่อ” ผู้ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเปรียบเสมือนเทพในหมู่มวลของมนุษย์ จนต่อมาได้มีการสร้างศาลเพื่อบูชา “จางย่าจื่อ” ผู้ที่ต้องการสอบเข้ารับราชการก็มักมากราบไหว้ขอพร จนนานวันเข้าชื่อเสียงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของศาลจางย่าจื่อก็ได้เลื่องลือกันไปจนกลาบเป็นเทพแห่งลาภยศและความมั่งคั่ง ที่เรียกว่า “เทพดาวลก” (ลู่ซิง)
ซิ่ว หมายถึง อายุมั่นขวัญยืน
ตามภาษาจีนแต้จิ๋ว จะเรียกว่า “ซิ่วแซ” ส่วนจีนกลางจะเรียกว่า “โซ่วซิง” เป็นสัญลักษณ์แห่งอายุวัฒนะ คือการมีอายุยืนยาว เทพดาว “ซิ่ว” มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หนานจี๋เหล่าเหรินซิง” เป็นหนึ่งในกลุ่มดาว 12 ซึ่งมีชื่อว่า “ดาวหนานจี๋ซิง” เป็นดาวที่มีแสงสว่างยาวนานที่สุดในกลุ่มดาวทางใต้ จึงมีชื่อเรียกว่า “ดาวผู้เฒ่า” หรือ “เหล่าเหรินซิง” และยิ่งนานวันเข้า ผู้คนที่เห็นดาวดวงนี้ก็จะยิ่งมีอายุยืนยาวมากขึ้น จึงยกให้เป็นดาวแห่งความเป็นอมตะมีอายุยืนยาวดั่งแสงสว่างสุกใสของดาวผู้เฒ่านั่นเอง ลักษณะเด่นของเทพดาว “ซิ่ว” เป็นชายชรามีหนวดเครายาวสีขาวโพลน ศรีษะโต และโหนกบนหน้าฝาก รูปร่างเล็ก ถือไม้เท้าหัวมังกรและถือเห็ดหลินจือวิเศษเอาไว้ สัญลักษณ์ของเทพดาว “ซิ่ว” จะมีอยู่หลายอย่าง เช่น “ลูกท้อเซียน” และอีกอย่างซึ่งเป็นพาหนะของเทพดาว “ซิ่ว” ก็คือ “นกกระเรียน”

วิธีการบูชาเทพเจ้าแห่งดวงดาว ฮก ลก ซิ่ว
การตั้งบูชาเทพเจ้าแห่งดวงดาว ฮก ลก ซิ่ว นั้นโดยทั่วไปสามารถกระทำได้ตลอดทั้งปีไม่ได้เน้นเฉะาะเจาะจงวันใดวันหนึ่งเป็นพิเศษ การตั้งไว้เทพเจ้าทั้งสามองค์นี้ไม่ควรตั้งแยกหรือกราบไหว้เฉพาะเทพองค์ใดองค์หนึ่ง ควรจัดวางให้อยู่สูงเหนือโต๊ะ โดยมากจะวางบนเทพ ฮก ลก ซิ่ว ไว้แยกออกจากพระพุทธรูป การถวายของสักการะก็มี น้ำชา 3 ถ้วย อาหารคาว ขนมหรือผลไม้หรืออาจะมีเหล้าก็ให้ตั้ง 3 ถ้วยเช่นกัน