ซำปอกง



ซำปอกง เดิมมีชื่อว่า หม่าเหอ เกิดในครอบครัวของชาวมุสลิมที่เมืองคุนหยาง มณฑลยูนนานทางตอนใต้ของประเทศจีน ตอนอายุ 11 ปี หม่าเหอได้ตกเป็นเชลยศึกในระหว่างภาวะสงครามกวาดล้างกองกำลังมองโกล และจากเหตุการณ์วุ่นวายในครั้งนั้นทำให้หม่าเหอได้ถูกส่งตัวมาเป็นขันทีทำงานรับใช้ในกองทัพจนอายุ 19 ปี และได้มีโอกาสได้รับใช้ เอี้ยนหวังจูตี้ หรือองค์ชายสี่แห่งราชวงศ์หมิง (ซึ่งเป็นคนละองค์กับจักรพรรดิย์หย่งเจิ้ง องค์ชายสี่แห่งราชวงศ์ชิงจากภาพยนตร์เรื่อง “ศึกสายเลือด” ตามที่ทุกคนเข้าใจกัน) และนับตั้งแต่บัดนั้นหม่าเหอก็ได้กลาบเป็นผู้ติดตามรับใช้อยู่ข้างกายองค์ชายสี่จนกลายเป็นคนสนิทที่สุดที่ได้รับความไว้วางเป็นอย่างมาก หม่าเหอได้สร้างคุณงามความดีไว้มากมาย แต่ผลงานที่โดดเด่นที่สุดก็คือเรื่องที่ช่วยให้จูตี้ได้ก้าวขึ้นครองราชบัลลังก์เป็นจักรพรรดิหมิงเฉิงจู่ และจากนั้นหม่าเหอก็ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าขันที และได้รับพระราชทาน แซ่เจิ้ง กลายมาเป็น เจิ้งเหอ ที่รู้จักกันในนาม ซำปอกง ในเวลาต่อมา
และจากการที่เจิ้วเหอเป็นคนสนิทและได้รับความไว้วางใจที่สุดนี้เองจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการกองเรือขนาดใหญ่เพื่อออกเดินทางไปในมหาสมุทรอันกว้างไกล ถ้ามองเพียงผิวเผินอาจคิดว่าเป็นการเดินเรือเพื่อการพาณิชย์และเผยแพร่ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจีนให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลกเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วแฝงไปด้วยนัยสำคัญอยู่สองประการคือ การที่จักรพรรดิหมิงเฉิงจู่เพิ่มเสด็จครองบัลลังก์ จึงต้องสำแดงฤทธานุภาพให้ทุกชาติได้ประจักษ์ และอีกอย่างหนึ่งก็เพื่อเป็นการตามสืบหาจักรพรรดิหมิงฮุ่ยตี้อีกทางหนึ่งด้วยเพื่อเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามของการแย่งชิงบัลลังก์ และจากการที่ออกเดินเรือไปในมหาสมุทรนี่เอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าซำปอกง
เจิ้งเหอออกเดินทางสู่มหาสมุทรทิ้งหมด 7 ครั้ง รวมระยะเวลา 28 ปี ระยะทางกว่า 50,000 กิโลเมตร แวะเวียนไปตามสถานที่ต่าง ๆ กว่า 37 ประเทศ ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับกองเรือสำเภาขนาดใหญ่เรียกว่า “เป่าฉวน” หมายถึง “เรือมหาสมบัติ” และเป็นเรือมหาสมบัติที่ถูกกล่าวขานไปทั่วจนถือได้ว่า การเดินทางของกองเรือเจิ้งเหอเป็นการเดินเรือครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์การเดินเรือของโลก นำมาซึ่งความสำเร็จทั้งด้านการฑูตและเศรษฐกิจ จนทำให้ชาวจีนเป็นมหาอำนาจทางเอเซียอาคเนย์ อินเดีย และแอฟริกา และการเดินทางครั้งที่ 7 ซึ่งถือเป็นการเดินเรือเรือครั้งสุดท้ายของเจิงเหอในวัย 60 ปี สามารถเดินทางไปได้ไกลถึงทวีปแอฟริกา