จางกั๋วเหล่า

จางกั๋วหล่า หรือ เตียก้วยเล่า เป็นเซียนองค์ที่สี่ ที่อาวุโสสุดหรือมีอายุมากที่สุด ดูได้จากการเรียกว่า “เหล่า” ในภาษาจีนมีความหมายว่า อาวุโส หรือแก่ ชรา จางกั๋วเหล่า มีนามเดิมว่า “จางกั๋ว” เป็นนักพรตที่บำเพ็ญเพียร แก่ชรา มีหนวดเคราสีขาวยาว มีพาหนะคู่ใจคือ ลาประหลาด ที่เวลาเดินแม้มันจะเดินไปข้างหน้าแต่หัวของมันจะหันไปข้างหลังตลอด ซึ่งเชื่อกันว่าลาตัวนี้เป็นลาวิเศษ เพราะเมื่อไม่ได้ใช้งานก็สามารถพับเก็บได้เหมือนกระดาษ แต่เมื่อใดที่จะเรียกใช้งานก็เพียงใช้น้ำพ่นใส่ที่กระดาษมันก็จะกลับร่างมาเป็นลาดังเดิม
ประวัติความเป็นมาเล่าว่าจางกั๋วเหล่าเป็นชาวตังหลิน เกิดในปลายราชวงศ์ถัง ในสมัยของพระเจ้าตี้หยา ประมาณปีพุทธศักราช 2890 จางกั๋วเหล่าได้บำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดที่ภูเขาจงเพียนซานจนบรรลุกลายเป็นเซียน ตามตำนานเล่าว่าเมื่อพระนางบูเช็กเทียนทราบเรื่องว่าจางกั๋วเหล่าเป็นเซียน ก็อยากเชิญเข้ามาในวัง แต่กลับถูกปฏิเสธ จนมาถึงสมัยราชวงศ์ถังสมัยเสวียนฮ่องเต้ได้เชิญจางกั๋วเหล่าให้มาเข้าเฝ้าอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ปฏิเสธกลับใช้วิธีออกอุบายแกล้งตาย แต่พระองค์ก็ไม่ละความพยายามกลับเชิญมาอีกครั้งเป็นครั้งที่สองทำให้จางกั๋วเหล่าต้องยอมใจอ่อนรับคำเชิญเข้าเฝ้า และในครั้งนี้ได้สำแดงปาฏิหาริย์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนจนสร้างความพิศวงให้แก่เสวียนฮ่องเต้เป็นยิ่งนัก ส่วนอีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ถังเสวียนฮ่องเต้ทรงตรัสถามถึงจิตรกรหลวงที่ชื่อว่า “เยี่ยฝ่าซ่าน” เกี่ยวกับที่มาของจากกั๋วเหล่า แต่เยี่ยผ่าซ่านกลับเกรงกลัวไม่กล้าเล่าเพราะกลัวถึงแก่ความตาย แต่เมื่อถูกฮ่องเต้รบเร้ามาก ๆ เข้า ก็ยอมเล่าว่า เดิมจางกั๋วเหล่านั้นเกิดเป็นค้างคาวเผือก อาศัยอยู่ ณ เขาตงเคี๋ยว เมืองเฮงเจียว ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการเสพแสงอาทิตย์และแสงจันทร์อยู่เป็นเวลานานหลายพันปี โดยมิได้มีการเบียดเบียนหรือฆ่าสัตว์ทั้งสิ้น ต่อมาได้เกิดมาเป็นมนุษย์และมีลาเผือกเป็นพาหนะ โดยลามีความพิเศษคือ เมื่อไม่ใช้งานก็สามารถพับเก็บได้เหมือนกระดาษเวลาเดินไปข้างหน้ามันจะหันหัวไปทางข้างหลังเสมอ จางกั๋วเหล่ามีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าถึงไทจงฮ่องเต้ และมีความแปลกประหลาดคือ แม้จะอยู่มานานมากแล้วก็ไม่แก่ชราแต่อย่างใด เมื่อพูดจบเยี่ยฝ่าซ่านก็สิ้นใจตายโดยทันที จนฮ่องเต้ได้ตรัสขอขมาและขอความเมตตาจางกั๋วเหล่าให้อภัยเยี่ยฝ่าซ่าน จางกั๋วเหล่าจึงให้อภัยแล้วชุบชีวิตให้เยี่ยฝ่าซ่านฟื้นคืนชีพกลับมา
คุณงามความดีของจางกั๋วเหล่าไม่ได้มีมากมายจนเป็นที่ประจักษ์ในชาตินี้ แต่ด้วยการบำเพ็ญเพียรภาวนาสะสมบุญบารมีมาหลายภพชาติ ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเซียนองค์ที่สี่ มีอาวุธประจำกาย คือ อวี่กู๋ ลักษณะเป็นเหมือนเครื่องดนตรีทรงกระบอก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กลองปลา ข้างบรรจุด้วยไม้ไผ่ 1 คู่ ทำให้เกิดเป็นเสียงดนตรี